5 ก.ย. 2552

อยู่อย่างไร ให้รอด (ชีวิต) ในซิดนีย์ ออสเตรเลีย

วันเริ่มบิน
ตรงกับวันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม 2550 ซึ่งกำหนดบินไปกับสายการบินไทย เที่ยวบิน TG995 เวลาขึ้นเครื่อง 17.30 น ครับ วันนี้ผมออกจากบ้านเวลาเที่ยงตรง ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 16.10 นาฬิกา โดยวนไปเพื่อเอากระเป๋าลงก่อนแล้วนำรถมาจอดที่ลานจอดรถในชั้นที่สี่ ซึ่งคุณไกด์ ได้เดินทางมาถึงและรอแล้วโทรเข้ามาเช็คว่าผมมาถึงรึยัง เป็นระยะๆ เมื่อมาเจอคุณไกด์ ผมต้องรีบนำกระเป๋าไปชั่งน้ำหนัก โดยมีขั้นตอนดังนี้

ส่วนที่เหลือ
1. นำกระเป๋าไปชั่งและโหลดที่แผนกชั่งกระเป๋า โดยเตรียมเอกสารดังนี้ หนังสือเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน เอกสารการลงทะเบียนเรียนของสถาบันการเรียนในออสเตรเลีย แล้วกรอกรายละเอียดตามที่เจ้าหน้าที่ให้เรากรอกรายละเอียด แล้วเจ้าหน้าที่จะติดสติกเกอร์ที่กระเป๋าเราว่าเป็นกระเป๋ามาทางไหนเที่ยวบินที่เท่าไหร่
2. รับเอกสารเพื่อมากรอกรายละเอียดผู้โดยสารขาออก แล้วนำไปยื่นที่ แผนก ตรวจคนเข้าเมือง โดยมีเอกสารดังนี้ หนังสือการเดินทาง และตั๋วเครื่องบิน
เมื่อผ่านการตรวจรอบแรกแล้วเราจะเข้าสู่ด้านในสนามบินซึ่งเราจะต้องเดินไปอีกประมาณเกือบร้อยเมตร ซึ่งตลอดทางทั้งซ้าย ขวาเราจะสามารถ ช๊อปปิ๊งได้ตลอดทาง จะมีร้านปลอดภาษีเพื่อดึงเงินออกจากกระเป๋าเราตลอดทางครับ ซึ่งเราสามารถจะซื้อ บุหรี่ ขึ้นมาได้ หนึ่งค๊อทท่อนครับ หรือหนึ่งกล่องครับ เพราะที่ออสเตรเลีย บุหรี่แพงมากครับ เราสามารถนำมาขายได้กำลังประมาณสองเท่าครับ เราเดินมาเรื่อยจนถึง เป้าหมายโดยดูจาก ตั๋วว่าเราจะลงไปช่องไหน ของผมช่อง D2 ครับ ผมก็เดินลงไปช่อง D2 ในช่วงนี้ จะถึงช่องที่ตรวจวัตถุที่เป็นเหล็ก โดยเราจะต้องนำกระเป๋าที่เราจะนำขึ้นเครื่องผ่านการสแกนตรวจ ผมมีกระเป๋าหนึ่งลูก กระเป๋าโน๊ตบุ๊ค ถอดเสื้อคลุม เพื่อผ่านการสแกนด้วยเครื่อง กระเป๋าวีดีโอไม่ต้องสแกน และผมต้องถอดพระจตุคามและพระอื่นที่และของอื่นๆที่เป็นโลหะเช่นกุญแจ มาใส่ในถาดเพื่อผ่านการสแกนด้วยครับขั้นตอนนี้ไม่ยุ่งยากมากเท่าไหร่ครับ หลังจากผ่านการสแกนแล้ว ก็มาถึงด่านสุดท้ายคือ ผ่านการสแต๊ม หนังสือเดินทางขาออก โดยจะมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงอายุค่อนข้างมากแล้วครับ ท่าทางใจดี เป็นคนตรวจครับ หลังจากผ่านขั้นตอนนี้แล้ว ก็ฉลุยแล้วครับมานั่งรอเวลา เพื่อขึ้นเครื่องเวลา 17.30 น. ช่วงรอนี้ก็สามารถโทรหาครอบครัวได้ครับ ถ้าใครมีแฟนก็โทรสั่งเสียแฟนได้ครับ หลังจากนี้แล้วต้องปิดเครื่องเพราะขึ้นเครื่องไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ครับ
เวลา 17.30 เจ้าหน้าที่ประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องได้ ต่างก็ทยอยเดินขึ้นเครื่องตามช่องทางที่กำหนดครับ เที่ยวนี้รู้สึกว่าผู้โดยสารค่อนข้างแน่น ครับผม คุณไกด์และคุณเป้ (เพื่อนคุณไกด์ ไปออสเตรเลียเพื่อไปรับปริญญาเช่นเดียวกับคุณไกด์) เดินเข้าสู่เครื่องบินสายการบินไทย เที่ยวบิน TG995 โดยมีเจ้าหน้าแอร์โฮสเตสมายืนต้อนรับที่ประตูเครื่องบินครับหน้าตาเป็นมิตรทีเดียว รู้สึกอบอุ่นครับเพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน เดินเข้าเราเข้านั่งตามที่นั่ง ของผมที่นั่งเลขที่ 35F เป็นที่นั่งแถวกลางครับ ภายในเครื่องบินจะมีสามแถวครับ แถวขวาข้างหน้าต่างจะมีที่นั่งประมาณสามที่ แถวกลางคือแถวที่ผมนั่ง นั่งได้สี่คน และแถวข้างซ้ายข้างหน้าต่างนั่งได้สามคน หลังจากที่เอากระเป๋าเก็บในช่องเหนือหัวที่นั่ง ปิดแล้วก็นั่งประจำที่ครับ โดยคุณเป้นั่งทางซ้ายสุดของแถวกลางถัดมา คุณไกด์ ถัดมาก็ผม และขวาสุดของแถวกลางเป็นสาวสวย รู้ชื่อทีหลังว่าคุณปุ้มเป็นนักศึกษาไทยไปเรียนภาษาอังกฤษจำนวน 6 เดือนกับสถาบันการศึกษา Step-One เธอมาคนเดียวครับนับว่ากล้ามาก แต่ว่าแฟนเธอมารอรับที่สนามบินคิงฟอร์ดสมิธ ของซิดนีย์ครับ แต่ถามไปถามมาเธอก็ไม่รู้อะไรเลยก็กลัวมากเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็ได้คุณไกด์แนะนำเรื่องของการผ่านตรวจคนเข้าเมืองของซิดนีย์ครับ แล้วก็กลายเป็นก๊วนเดียวกันเลยครับ ไปไหนไปด้วยครับ....
การบริการบนเครื่องบินสายการบิน TG995 ของสายการบินไทยครับ หลังจากขึ้นไปถึงสักพักครับ ทาง กัปตันเครื่องจะกล่าวต้อนรับผู้โดยสารแล้วแนะนำการปฏิบัติตัวในการเป็นผู้โดยสารที่ดี รวมทั้งแนะนำ การใช้เข็มขัดนิรภัยโดยเฉพาะเมื่อเวลาเครื่องบิน กำลังขึ้น(เทคออฟ) และเครื่องบินกำลังลงครับ (แลนด์ออฟ) ครับ หลังจากนั้น
1. บริการน้ำ เครื่องดื่มต่างๆ กาแฟ นม น้ำส้ม และอื่นๆ ช่วงนี้ผมขอ น้ำผลไม้ และน้ำเปล่า ครับ
2. เวลาประมาณ 18.30 นาฬิกา ลูกเรือ เริ่มเสริฟอาหารมื้อแรก ซึ่งมีให้เราเลือก 3 อย่างดังนี้
2.1 พาสต้ากับกุ้ง สลัดผักสดเสิร์ฟพร้อมน้ำสลัด
2.2 ปลากะพงผัดพริกและขึ้นฉ่าย ข้าวหอมมะลิไทย ผัดแครอทและถั่วฝักยาว
2.3 หมูทอด ซอสพริกไทยสด มันฝรั่งอบเนย แครอทอบเนย
นอกจากนี้ก็จะมี ขนมปัง เนย เนยแข็ง ขนมปังกรอบ เค้กกาแฟ น้ำชา กาแฟ
ซึ่งเราใช้เวลาในการบิน ไปออสเตรเลีย 8 ชั่วโมง 15 นาที ระยะทาง 3,597 ไมล์ หลังจากเสิรฟอาหารมื้อแรกแล้ว เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องจะแจก หูฟัง ผ้าห่ม หมอน ซึ่งหูฟัง เราจะใช้ฟังเพลง หรือหนัง ได้โดยจะมีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ อยู่ตรงหน้า โดยวันนี้ก็จะมีหนัง มิสเตอร์บีน ด้วยก็ตลกแบบฝรั่งครับ เห็นฝรั่งที่นั่งข้างหลังผม หัวเราะซะไม่สนใจใครเลยครับ ดังลั่นเครื่องบินเลยมั้งครับ ผมไม่เห็นตลกไหนเลย เหมือนคนปัญญาอ่อนมากว่าครับ เบาะที่เรานอนสามารถปรับได้โดยกดปุ่มปรับเอน ทางปุ่มด้านขวามือที่เรานั่งนะครับ เมื่อเครื่องบินไปเรื่อย ก็จะมีจอมอนิเตอร์บอกเราครับว่าตอนนี้เครื่องบินบินในระดับความสูงเท่าไหร่ ความเร็วเท่าไหร่ แรงลมเท่าไหร่ อุณหภูมิข้างนอกเท่าไหร่ และมีจอให้เห็นว่าตอนนี้ผ่านประเทศอะไรบ้างโดยเป็นรูปเครื่องบินวิ่งบนจอครับ และเหนืออีกกี่ไมล์ กี่ชั่วโมงที่จะถึง ออสเตรเลียครับทำให้เรารู้ความเคลื่อนไหวตลอดครับ ซึ่งหมายกำหนดการ คือเราจะไปถึงที่ซิดนีย์เวลา หกโมงเช้า เวลาของซิดนี่ย์ ครับแต่ตรงเวลาของไทยที่ ตีสามของประเทศไทยครับ ก่อนที่เครื่องจะถึงที่สนามบิน คิงฟอร์ดสมิธ หนึ่งชั่วโมง ทางแอร์โฮสเตสจะเสริฟอาหารว่างมื้อที่สอง ได้แก่
สลัดผลไม้สดในซอสเสาวรส ขนมปังหน้าไก่ เห็ดผัด ถั่วแขก มะเขือเทศ เดนิชเพสทรี่ น้ำชา กาแฟ ครับ อร่อยมาก สมกับเป็นสายการบินไทย หลังจากที่ทานอาหารว่างแล้ว เจ้าหน้าที่จะแจกเอกสารให้เรากรอกรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เราจะต้องเช๊คว่าเรามีสิ่งของอะไรที่จะต้องเสียภาษีบ้าง (Declare) โดยต้องกรอกรายละเอียดหลายอย่างได้แก่ ชื่อ นามสกุล หมายเลขหนังสือเดินทาง อายุ เพศ เบอร์โทรศัพท์ ที่พักในซิดนีย์ ชื่อของคนที่อ้างอิงหรือเมื่อเวลาเราเจ็บป่วย แล้วสิ่งของที่จะต้องเสียภาษี โดยเราจะคลิก ไม่ใช่ โดยกากบาท หรือทำเครื่องหมายถูก หลังคำว่าใช่ โดยสิ่งของที่ห้ามนำเข้าที่สำคัญได้แก่ อาหารทุกชนิด ยาสเตียรอยด์และยาเสพติด เป็นต้น ซึ่งตรวจคนเข้าเมืองของซิดนีย์จะเข้มงวดเป็นอย่างมาก เป็นที่รู้กันเป็นอย่างดีของคนไทย
หลังจากเครื่องลงจอดแล้วผู้โดยสารต่างทยอยกันลงจากเครื่องโดยมีพนักงานของสายการบินไทย TG995 ยืนยกมือไหว้ แสดงความขอบคุณอยู่ที่ปากประตู ดูเป็นกันเองอย่างมาก หลังจากเข้ามาแล้วเราก็จะเจอกับร้านค้าต่างๆ เป็นร้านปลอดภาษีของซิดนีย์ครับ ซึ่งคุณไกด์และคุณเป้แวะซื้อเหล้าครับ แล้วเข้าคิวเพื่อรอการตรวจหนังสือเดินทางและสแตมป์เข้าเมืองซิดนีย์โดยตรวจคนเข้าเมืองของซิดนีย์หน้าตาดูไม่น่าใว้ใจเลย เมื่อมาคิวผม ผมยื่นหนังสือเดินทางให้ และกล่าวสวัสดีตอนเช้า ตม. กล่าวสวัสดีตอบผมแล้วไม่เห็นตามอะไรต่อเลย คนอื่นเห็นถามจัง แสตมป์เข้าเมืองโดยง่ายครับ จากนั้นก็มารอรับกระเป๋าครับ โดยไปเข็นรถจากที่เข็นรถมารับกระเป๋าที่โหลดลงเครื่องมาครับ
แล้วมารอคิวเพื่อตรวจกระเป๋าที่เรียกกันว่า การ Declaire ซึ่งดูน่ากลัวมากครับ เจ้าหน้าที่จะมาถามเราว่ามีของที่จะ Declaire มั้ยโดยดูจากเอกสารเราที่เรากรอกครับ ถ้าเรา กรอกว่าไม่ใช่หมดจะให้เราไปช่องที่สแกนกระเป๋าอย่างเดียวครับ เพื่อความรวดเร็ว ถ้าเรามีของที่กรอกว่าจะต้อง Declaire ก็จะไปอีกช่องหนึ่ง ช่วงนี้เป็นช่วงที่น่ากลัวสำหรับคนที่ภาษาอังกฤษไม่เข้มแข็งครับ เพราะตรวจคนเข้าเมืองอาจจะถามโน่นถามนี่ครับ ซึ่งผมมาเสียเวลาที่ตรงนี้นานครับเพราะมี ทูน่ากระป๋องเข้ามาด้วย 4 กระป๋อง ตรวจคนเข้าเมืองก็ถามผมใหญ่ว่ารู้มั้ยว่าเข้าห้ามนำเข้ามา ผมก็บอกไม่ทราบครับ กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง ก็โดนใบเตือนว่าถ้าเกิดคราวหน้ามีของกินเข้ามาอีกจะโดนปรับ 220 เหรียญ เมื่อผ่านด่านนี้แล้วก็ออกมาข้างนอกครับ ซึ่งคุณไกด์ คุณเป้ ออกมารออยู่แล้วครับ และน้องปุ้มแฟนเขาก็มารับไปแล้วครับ เหลือแต่ผมที่ออกมาเป็นคนสุดท้าย แต่ผมมองไม่เห็นคนมารับครือ น้องเต้ (ลูกชายท่านอาจารย์ ไพบูลย์ ลิ้มมณี) ซึ่งให้ความสะดวกในการเดินทางมาซิดนีย์ครั้งนี้เป็นอย่างมาก จึงต้องให้คุณ ไกด์โทรหาน้องเต้ ครับ น้องเต้ไปรอผมอยู่ช่อง A ครับแต่ผมมาออกช่อง C หลังจากนั้น ก็ขึ้นรถ Shuttle car เป็นลักษณะเหมือนรถตู้ครับ เสียค่าโดยสารคนละ 10 เหรียญเพื่อเข้าไปซิดนีย์ซึ่งสนามบินห่างจากซิดนีย์ประมาณ 10 กิโลเมตรครับ ช่วงนี้เป็นเวลา 7.30 นาฬิกาครับตามเวลาของซิดนีย์ อากาศซิดนีย์ช่วงนี้ดีมาก คงประมาณ 20 องศาได้ กะลังเย็นสบาย รถวิ่งจากสนามบินตรงมาที่ Regist Tower2 ที่น้องเต้ จองบ้านให้ผมพัก ชั้น10 ห้อง 186 บ้านเลขที่ คือ Unit 186 300 Castlereagh Street Sydney NSW 2000 ซึ่งรูมเมท ของผมทั้งหมดเป็นชาวเกาหลีครับ โดยเป็นผู้หญิง 4 คน ชาย 3 คน รวมผมก็เป็น 8 คน ที่อยู่ในห้อง 186 นี้ โดยมีห้องดังนี้ ห้องมาสเตอร์รูมเป็นห้องผู้หญิงชาวเกาหลี 3 คน ห้องเซ็คเคิลรูม เป็นแฟนกันอยู่ด้วยกันสองคนชาวเกาหลีทั้งคู่ แล้วห้องลิฟวิ่งรูม เป็นเตียงสองชั้น เป็นชายชาวเกาหลีอีกสองคน โดยมีชื่อดังนี้
Yohan, Rhiana, Raichea, Chin, Jaehyan อีกสองคนไม่รู้จักชื่อส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้คุยกัน สองคนนั้นค่อนข้างจะเก็บตัว
หลังจากนำกระเป๋ามาเก็บที่ห้อง ห้องที่ผมมาพักเป็นห้องที่เรียกว่าห้อง Sunny room
หมายถึงห้องอาบแดด เป็นห้องเล็กๆสำหรับนอนคนเดียวโดยมีเตียงนอนขนาดคนเดียวนอน มีผ้าห่มหมอน และมีตู้วางของสามชั้นเล็กๆวางอยู่ข้างเตียง ซึ่งห้องนี้เป็นห้องกระจกทั้งหมดแล้วเจ้าของนำกระดาษมาแปะทับ แล้วมีม่านกั้นทุกด้าน ดัดแปลงเป็นห้องนอนแบ่งให้เช่า คิดค่าเช่าสัปดาห์ละ 120 เหรียญ ข้างนอกห้องจะมีตู้ใส่เสื้อผ้าให้หนึ่งตู้ มีลิ้นชัก 3 ลิ้นชัก ก็เหมาะสมดีกับการเก็บเสื้อผ้าขนาดคนเดียว หลังจากเก็บของทั้งหมดใส่ตู้และเก็บกระเป๋าเดินทางใว้ใต้เตียงแล้ว น้องเต้ ได้พาไปดูร้านค้าไทยซึ่งมีอยู่หลายร้านในเขตนี้ซึ่งเรียกกันว่าเขต ไทยทาวน์ เช่นร้าน พรทิพย์ ร้านรังผึ้ง ร้านวีดีโอ ซึ่งเป็นแหล่งรวมของคนไทยในการซื้อของไทยซึ่ง แต่ละร้านจะมีของที่มีขายในประเทศไทยเกือบทุกอย่างครับ ผิดกันแต่ตรงที่ราคาจะแพงกว่าเมืองไทยมากเท่านั้นเอง ผมได้ซื้อ ซิมการ์ดโทรศัพท์ ที่นี่เพราะนำตัวโทรศัพท์มาจากเมืองไทย ราคาซิมการ์ด 23 เหรียญ ต้องซื้อเติมเงินอีก 30 เหรียญรวมต้องจ่ายรวม 53 เหรียญ เพราะที่นี่จำเป็นมากเวลาสมัครงานหรือใช้ติดต่อเพื่อน หรือว่าหลงทางก็สามารถใช้ถามเส้นทางจากเพื่อนได้ หลังจากซื้อแล้วต้องทำการลงทะเบียนผ่านระบบให้ ผมให้น้องเต้ เป็นคนลงทะเบียนให้เขาเรียกว่าการ Activate โทรศัพท์ จากนั้นต้องปิดเครื่องไว้ ประมาณ 30 นาที แล้วเปิดหลังจากนั้นก็สามารถใช้ได้ตามปกติ ที่นี่โทรศัพท์ระบบ OPTUS เป็นระบบที่นิยมกันมาที่สุด คงเหมือนระบบ GSM บ้านเรานั่นแหละครับ หลังจากนั้นซื้อไข่ขึ้นมาหนึ่งกล่องจำนวน 10 ฟอง ราคา 3 เหรียญ ดังนั้นอาหารกลางวันมื้อแรกของซิดนีย์ วันนี้ได้แก่ ไข่เจียว กับ ทูน่า กระป๋อง สำหรับข้าว คนเกาหลีเขาจะหุงข้าวให้เต็มหม้อตลอดครับ ถ้าใครกินหมดต้องหุงต่อให้เต็มหม้อ โดยเจ้าของบ้านจะเป็นคนซื้อข้าวสารมาใว้ให้ และเราสามารถจะใช้เครื่องครัวทุกอย่างที่มีในบ้านเช่น กระทะ ถ้วย จาน ฯลฯ ยกเว้นอาหารและเครื่องปรุง เช่นน้ำปลา น้ำตาล น้ำพริก ซอส น้ำมัน พวกนี้ครับ แต่ละคนต้องจัดหามาใช้เอง ครับ ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกสิ่งครับ เช่น ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ เครื่องซักผ้า เตาแก๊ส กาต้มน้ำ เครื่องปิ้งขนมปัง เตาออโตเวฟ แอร์ แต่แอร์ที่นี่ไม่จำเป็นต้องใช้แน่ครับ เพราะอากาศที่ซิดนีย์ก็อยู่ประมาณ 14- 25 องศา คงเหมือนเปิดแอร์กันทั้งเมืองละครับ
ค่าที่พักของที่นี่จะมัดจำไว้ 2 สัปดาห์ เป็นเงิน 240 เหรียญ และต้องจ่ายค่ามัดจำกุญแจ อีก 40 เหรียญ และจ่ายค่าอยู่จริงอีก 2 สัปดาห์ แต่กรณีผมเข้ามาช่วงที่เขาจ่ายเงินกันไปแล้ว ผมจึงจ่ายค่าเช่าแค่เดือนเดียว เป็นเงิน 120 เหรียญ รวมที่ต้องจ่ายตอนเริ่มเข้าทั้งหมด 400 เหรียญ สำหรับการพักหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งตรงกับวันที่ 5 เดือน พฤษาภาคม 2550 วันเสาร์หน้าจะต้องจ่ายอีกสองสัปดาห์ ได้แก่ 240 เหรียญ ซึ่งที่พักอาศัย ที่นี่จะมีลักษณะการพักอยู่หลายลักษณะได้แก่
1. Single private Ensuit ราคา ประมาณ 462 เหรียญ/สัปดาห์
2. Single private shared Bather ราคา ประมาณ 485 เหรียญ/สัปดาห์
3. Twin private Ensuit ราคา ประมาณ 315 เหรียญ/สัปดาห์
4. 3 Bed Mixed Dorm Ensuit ราคา ประมาณ 245 เหรียญ/สัปดาห์
5. 4 Bed Mixed Dorm Ensuit ราคา ประมาณ 200 เหรียญ/สัปดาห์
6. 4 Bed Mixed Dorm ราคา ประมาณ 175 เหรียญ/สัปดาห์

1 ความคิดเห็น: